วันพุธที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

เมื่อไหร่วงการละครไทยจะเลิกทำแบบนี้เสียที

เป็นกระทู้ที่พูดคุยถึง ละครไทย

ความเห็นเจ้าของกระทู้

คือบทตัวร้าย หรือนางอิจฉา ทำไมต้องออกมากรี๊ดๆ ดิ้นๆ ตะโกนแหกปาก ชักดิ้นชักงอ ซึ่งมันสวนทางกับความเป็นจริงมากๆ เพราะพวกที่ร้ายจริงๆจะนิ่งๆ ร้ายลึกๆ แสดงออกทางสายตาที่เต็มไปด้วยรังสีของความโหดร้าย ดังจะเห็นได้จากละครของหลายๆประเทศ (พอดีอยู่ต่างประเทศมาหลายสิบปีเลยมีโอกาสได้ดู และเห็นความแตกต่าง)

การแสดงออกของนางร้ายในละครไทย มันไม่ใช่การแสดงออกของคนร้ายในชีวิตจริง แต่เป็นการแสดงออกของคนบ้ามากกว่า และนอกจากนี้ยังทำให้พระเอกของเรื่องดูเป็นคนที่โง่มากๆ ที่ไม่สามารถมองเห็นได้ว่าผู้หญิงคนนี้มันบ้า 555 (ความคิดเห็นส่วนตัวฝากให้ผู้กำกับละครพิจารณา)

ปล. บางท่านอาจจะบอกว่าควรจะดูละครเพื่อความบันเทิง อันนี้เห็นด้วยแต่บทกรี๊ดๆนี่มันดูแล้วเครียดมากกว่าบันเทิงนะครับ

ความเห็นที่ 1

ใครเคยดูละครทีวีของชาติไหน แล้วเจอนางร้าย โง่-บ้า-ปัญญาอ่อน อย่างละครไทยมั่ง

ความเห็นที่ 2

ผู้จัดละครคงไม่อยากให้คนดูเสียเวลาคิด
ตัวไหนดี ตัวไหนร้าย ตัวไหนใสซื่อบริสุทธิ์
แสดงให้เห็นชัดเจนไปเลย
ดูหมิ่นสติปัญญาคนดูจริง ๆ

ความเห็นที่ 3

มันก็มีมาบางเรื่องแล้วนะคะ ที่ไม่มีนางร้าย
หรือร้ายลึก เช่น อุบัติรักข้ามขอบฟ้า (ไม่มีนางร้าย เราชอบนะ
แต่เพื่อนเราบอกว่า ละครอะไรไม่รู้ ไม่มีนางร้าย น่าเบื่อ - -)
อีกเรื่องที่ร้ายลึก ที่นึกออกก็อสูรน้อยในตะเกียงแก้ว (นางร้ายไม่ค่อยกรี๊ด
แต่เรานี่แหละ กรี๊ดอยู่หน้าทีวี เวลาชีแอ๊บใส หมั่นไส้อะ)

แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นแบบที่เจ้าของกระทู้ว่านั่นแหละค่ะ
ผู้จัดคงคิดว่าสร้างสีสันให้กับเรื่องได้ และคิดว่าคนส่วนใหญ่ยังชอบอยู่

ความเห็นที่ 4

ต้องเข้าใจว่าคนเกินครึ่งประเทศแทบไม่เล่นอินเตอร์เนต
ไม่ได้รับโอกาสทางการศึกษา ไม่มีเคเบิลทีวี

บางทีีมันก็คงจะไม่ได้เป็นการดูถูก แต่มันคือข้อเท็จจริงอ่ะค่ะ

แต่เห็นว่าน่าจะแทรกละครที่มีสาระ มีความทันสมัย เข้ามาบ้าง คนละครึ่งทางนะ

ตามไปดูต่อที่

http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A11769237/A11769237.html

วันจันทร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

การที่ผู้ชายทำผู้หญิงท้อง...แล้วให้ผู้หญิงไปทำแท้ง มันง่ายแบบนี้เอง หรือ . ดารา.หาผู้หญิงมานอนได้ง่ายๆ แบบนี้ จริงหรือ..

เป็นกระทู้ที่พูดคุยถึง ข่าวฉาวนักร้องชายที่กำลังดังในตอนนี้

ความเห็นเจ้าของกระทู้

การที่ผู้ชายทำผู้หญิงท้อง...แล้วให้ผู้หญิงไปทำแท้ง มันง่ายแบบนี้เอง หรือ . ดารา.หาผู้หญิงมานอนได้ง่ายๆ แบบนี้ จริงหรือ

.. เด็ก ๆ วัยรุ่น.ก็.เอาตัวอย่าง.. เราชักอยากทำเรื่อง แบบนี้ มั้งแล้วสิ..

เพราะยังงัย คนมีท้อง คือผู้หญิง...ผู้หญิง เสียหายอยู่แล้ว...555+

ส่วนผู้ชาย ก็ ถีบหัว ผู้หญิง..ส่งซะเลย..

....อย่าง นักร้องชาย ที่ยอมรับว่าไปมีอะไรกัน กับ. ดารา หญิง จนมีท้อง แต่ ก็ยังไม่รู้ ว่าลูกใคร.

... ผู้หญิง ก็เลี้ยงลูกไป. ผู้ชายก็ยัง มีแฟนคลับ ค่อยตามไปส่ง. ที่สนามบินตอนไปต่างประเทศอยู่ดี...


...เป็น ผู้หญิงนี่ลำบากนะ เสียหาย ตลอดเลย.

ความเห็นที่ 1

คนที่ทำแท้ง จะถูกขูดมดลูกทำให้ผนังมดลูกบางลง ถ้าถึงเวลาที่ต้องการจะมีลูกจริง ๆ
ก็จะมีลูกยาก โดยเฉพาะคนที่ทำแท้งมากกว่าหนึ่งครั้ง โอกาสมีลูกก็จะมีน้อยมาก
หรือแทบจะหมดสิทธิ์ตั้งครรภ์ไปเลย

ความเห็นที่ 2

ถ้าถูกข่มขืนมา ค่อยมาร้องแรกแหกกระเฌอละกันนะคะ

แต่นี่...สมยอม อ้าขาให้เขาเอง พอท้องขึ้นมา ใครจะไปยอมรับ

เพราะง่ายกับเขาขนาดนั้น เขาก็คงคิดว่าก็คงง่ายกับคนอื่นไม่แตกต่างกัน

แต่ละคนก็ไม่ใช่สาวอ่อนต่อโลกที่จะไม่รู้วิธีการคุมกำเนิดนี่คะ

อย่าไปโทษแต่ฝ่ายชายอย่างเดียวเลยค่ะ

ถ้ารู้จักรักนวลสงวนตัวและไม่อ้าขาให้กับคนต่างเพศ

เรื่องแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้นหรอกค่ะ

ความเห็นที่ 3

ธรรมชาตินี่เยี่ยมมากเลยนะคะ ที่ให้ฝ่ายหญิงเป็นคนตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตร

เพราะในสัญชาตญาณความเป็นผู้หญิง ย่อมดูแลและปกป้องเด็กได้ดีกว่าผู้ชาย

น้อยคนจริงๆค่ะ ที่แหวกนรกมาเกิดเป็นนางมารในคราบผู้หญิง

ถ้าธรรมชาติสร้างให้ผู้ชายเป็นฝ่ายตั้งท้อง ป่านนี้คงแห่ไปทำแท้งกันทั้งเมือง

เผลอๆอาจเกิดกฎหมายว่าด้วยการทำแท้งแบบเสรีทั้วโลกก็เป็นได้ค่ะ

ความเห็นที่ 4

ผู้ชายเป็นเพศที่มุ่งหาการมีเพศสัมพันธื เป็นธรรมชาติของผู้ชายที่สร้างมา
และผู้ชายท้องไม่ได้

ส่วนผู้หญิงการควบคุมอารมณ์ และความต้องการจะดีกว่าผู้ชาย
สังเกตุจาก ผญ ไม่ช่วยตัวเองถี่อย่างผู้ชาย และ ผญ ท้องได้

ดังนั้นจะพูดอย่างเห็นแก่ตัว ก็จะบอกว่า เกิดเป็น หญิง อย่าแรด
อย่าใจง่าย อย่าใจอ่อน เดี๋ยวจะท้องไม่มีพ่อ อย่าหลงคารม ผู้ชาย เห็นหล่อๆหน่อย
ก็เพ้อว่าเค้าเป็นคนดี อย่าโลกสวย มอง ผู้ชายเป็นเทพบุตร

เพราะ ผู้ชายดีไม่ดี ดูแววตา ก็รู้แล้ว ผู้ชายด้วยกันดูกันออก

ตามไปดูต่อที่

http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A11759060/A11759060.html

วันอาทิตย์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ข่าวT-windในเมืองจีน ข่าวเขียนแบบมั่วๆในไทยรัฐหน้าบันเทิง

เป็นกระทู้ที่พูดถึง กระแสละครไทย กับ หนังสือพิมพ์ไทย

ความเห็นเจ้าของกระทู้

ข่าวในไทยรัฐหน้าบันเทิง เกาะกระเเสละครไทยในจีน ลองอ่านดูเเล้วกันน่ะครับ

ภาพประกอบ





ที่มา

http://www.thairath.co.th/content/ent/240624

ความเห็นที่ 1

ขอบคุณไทยรัฐที่เขียนกระเเสความนิยมของวงการบันเทิงไทยในจีน

1.ถูกเเล้วที่เพลิงทรนงยังมีทั้งคนจีน ฟิลิปปินส์ อินโดฯนิยมดูในโลกออนไลน์กันเยอะ
(แต่ยังไม่ได้ฉายอย่างเป็นทางการที่นั่น)และมาริโอ้เริ่มดังในจีนบ้าง
จากหนังเรื่อง"รักแห่งสยาม"เมื่อสี่ปีที่เเล้ว(แต่พิชชี่ที่เเสดงด้วยกันดังกว่า) แล้วมาพีคที่สุดแบบวันเเมนโชว์จริงๆในหนังเรื่อง"สิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารัก"ที่ทำให้้คนทั่วเอเชียต้องจับตา จนทั้งคนจีนและฟิลิปปินส์ต้องดึงตัวไปถ่ายหนังที่นั่น

2 สำหรับข่าวเรื่องละครของโพลีพลัสของท่าน อยากบอกคำเดียวว่า"เหรออออ.."
...จริงๆละครดีน่ะครับ แต่ไม่เห็นรู้เรื่องเลยไปฉายเป็นทางการตั้งเเต่เมื่อไหร่ โรงเตี๊ยมไหน? ตำบลใด?

(สงสัยถ้าไปฉายจริงๆต้องลงหัวว่า "ตะลึงโลก คนจีนคลั่งไคล้ละครโพลิพลัสแทบบ้าตาย ร้องไห้ซึ้งกับฉากจบจนเเม่น้ำแยงซีท่วม ยกย่องเป็นโศกนาฎกรรมแห่งมวลมนุษยชาติ")

3ช่วงนี้ "วนิดา" "วงเวียนหัวใจ"ในจีนดังมาก คนดูกันหลักหลายสิบล้านคน
ไม่สนใจทำข่าวบันเทิงดีๆแบบนี้บ้างเหรอครับ เเค่เข้ามาCopy paste กระทู้T-windในนี้ก็ได้ข่าวดีๆไปเยอะแล้วครับ( คนเเถวนี้เขาไม่ว่าหรอก ดีใจด้วยซ้ำ)

ความเห็นที่ 2

ละครโพลีพลัสที่ออนแอร์ที่จีนไปแล้วมีอยู่เรื่องเดียว คือเรื่อง แจ๋วใจร้าย..

เธอกับเขาและรักของเรา ได้ครองอันดับ 1 เมื่อฉายที่ประเทศจีน
ข่าวนี้มั่วมากยังไม่ได้ออนแอร์ที่จีนเลยครับ ข้อมูลมากจากไหนครับ หรือเต้าข่าวเอาเอง ชงเอง

ความเห็นที่ 3

เอิ่ม มันควรจะมีตั๊ก/ป้อง/บี้ ด้ยไม่ใช่เหรอคะ สามคนนี้น่าจะดังแบบจริงจังที่จีนนะ เท่าที่อ่านดู ไทยรัฐนี่ ไม่อายบ้างเหรอคะ - -'

ความเห็นที่ 4

เอ่อ เป็นนสพ.ขายดีที่สุด แทนที่จะ
1. นำเสนอข้อมูลที่ถูกต้องให้ประชาชนรับทราบ ดันเขียนอวยแต่ตัวเอง เธอกับเขาฯ ยังไม่ไปฉายที่โน่นอย่างเป็นทางการ เอาไว้ไปฉายก่อนเขียนอวยทุกวันก็ไม่สายนะจ๊ะ

2. หัดให้เครดิตคนอื่นเค้าบ้าง (สงสัยข้อนี้ขอมากไปในเมื่อข้อแรกยังทำไม่ได้) เอ็กแซกท์เค้าเอาละครไปบุกเบิกที่โน่นก่อนเพื่อน ปีที่แล้วดอกรักริมทาง (บี้ วิว ฮั่งตู๋) สถานีอันฮุยรีรันถี่ๆ ยอดวิวกระฉูด ปีนี้ละคร 2 ว. คือวงเวียนหัวใจ กับวนิดา ก็ได้รับกระแสตอบรับอย่างดีจากแฟนจีน ไม่คิดจะให้เครดิต เอ็กแซกท์ กันตนา ละครไท หน่อยเหรออออ โพลีพลัสจัดให้(ตัวเอง)

ตามไปดูต่อที่

http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A11749413/A11749413.html

วันพุธที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

อสูรน้อยในตะเกียงแก้วแฝงธรรมะ

เป็นกระทู้ที่พูดคุยถึง ละครทางช่องหนึ่งที่ตอนนี้กำลังดังมาก

ความเห็นเจ้าของกระทู้

ดูมาหลายตอนแล้ว สังเกตุว่าคุณแม่ของแนนนี่และดารกา
ที่นำแสดงโดยคุณกิ๊ก มยุริญ เธอเป็นคนที่มีสมาธิ มีจิตใจดี
และมีสติทุกครั้งไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เป็นเพราะเธอสวดมนตร์
ไหว้พระบ่อยๆ แง่คิดและมุมมองดีๆก็มีให้เห็นนะนี่ ^_____^

ความเห็นที่ 1

การสวดมนต์ในเรื่องนี้
ทำให้อสูรเกิดปฏิกิริยาทันที
คือ ปวดหัว ร้อนดังไฟเผา

คือใครๆก็ว่าเรื่องปัญญาอ่อน
ทั้งที่จริงๆแล้วในเรื่องมันมีการสอนอะไรหลายๆอย่างไปด้วย

ความเห็นที่ 2

สปอยนะคะ
ผู้มีมารยาทจงข้ามไป อย่าได้เหลือบสายตาผ่าน


ไม่รู้ว่าตอนจบจะเหมือนในหนังสือป่าวนะ
คือตอนจบ2นางสู้กัน แม่ก็ไปสวดมนต์ให้ลูก สุดท้ายอสูรก็กลับใจ
ชอบตรงที่เค้าให้ความสำคัญกับบทแม่ดีอ่ะค่ะ
ขนาดอสูรก็ยังรักแม่
เป็นความจีิงที่ว่าลูกทุกคนก็ไม่พ้นมือแม่จริงๆอ่ะเนาะ

ความเห็นที่ 3

ชอบตอนแม่ปัทสวดมนต์ค่ะ ช่วยแนนนี่ได้

ความเห็นที่ 4

เราชอบคุณแม่ปัทมนที่สุดค่ะเรื่องนี้ แล้วก็เป็นบทที่เหมาะกับคุณกิ๊กมาก

เป็นคนดี มีธรรมะในจิตใจ อ่อนน้อมถ่อมตน และเป็นแม่ที่ดีมากๆ

ตามไปดูต่อที่

http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A11729172/A11729172.html

"ซูริก" แชมป์ค่าครองชีพแพงสุด ส่วน "การาจี" ถูกที่สุดในโลก

เป็นกระทู้ที่พูดคุยถึง ข่าวของเมืองที่มีค่าครองชีพแพงที่สุดในโลก

เนื้อหาข่าว

สถาบันวิจัยข้อมูลทางเศรษฐกิจและสังคม (อีไอยู)
เผยผลการจัดอันดับเมืองที่มีค่าครองชีพสูงที่สุดในโลก จากทั้งหมด 131 ประเทศ
โดยในปีนี้ตกเป็นของเมืองซูริก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ขณะที่ปีที่แล้วคือกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
ซึ่งทั้ง 2 แห่ง มีค่าครองชีพสูงกว่ามหานครนิวยอร์ก
สหรัฐอเมริกา มากถึง 70% และ 66% ตามลำดับ

โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น สำหรับอันดับ 3 ครองตำแหน่งร่วมกันคือ เจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และ โอซากา ประเทศญี่ปุ่น 5.ออสโล ประเทศนอร์เวย์ 6.ปารีส ประเทศฝรั่งเศส 7.ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย 8.เมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย 9.สิงคโปร์ ประเทศสิงคโปร์ 10.แฟรงเฟิร์ต ประเทศเยอรมนี

ส่วนเมืองที่ค่าครองชีพต่ำที่สุด 10 อันดับ มีดังนี้ 120.มุสกัต ประเทศโอมาน 123.ธาการ์ ประเทศบังคลาเทศ 124.อัลจิเออร์ส ประเทศอัลจีเรีย 125.กาฐมาณฑุ ประเทศเนปาล 125.ปานามา ซิตี้ ประเทศปานามา 127.เจดดาห์ ประเทศซาอุดี อาระเบีย 128.นิว เดลี ประเทศอินเดีย 129.เตหะราน ประเทศอิหร่าน 130.มุมไบ ประเทศอินเดีย และ 131.การาจี ประเทศปากีสถาน

ที่มา

http://www.thairath.co.th/content/oversea/239054

ความเห็นที่ 1

คคห ส่วนตัวนะคะ
ตอบในฐานะที่อยู่ซูริค และเคยไปเที่ยวญี่ปุ่นมาหลายครั้งพอสมควร

(ในฐานะนักท่องเที่ยวนะคะ) คิดว่าอาหารการกินที่ญี่ปุ่น (ไม่ว่าที่โตเกียวหรือโอซาก้า)
โดยทั่วไป จะถูกกว่าที่สวิตฯพอสมควรค่ะ (แต่ผลไม้และข้าวสารญี่ปุ่น จะแพงมาก)
แต่ให้เปรียบเทียบมื้อต่อมื้อ จะยากน่ะค่ะ...

พวกของใช้ต่างๆ เสื้อผ้ารองเท้า ก็ถูกกว่ามากค่ะ
ส่วนค่าเดินทาง จะราคาพอๆกัน

ค่าโรงแรม (ในระดับเดียวกัน) ก็ถูกกว่า
(ส่วนตัว คิดว่าค่าโรงแรมที่แพงเว่อร์ที่สุด คือ Manhattan ค่ะ)

แต่พวกเครื่องไฟฟ้า เช่น PC และ กล้อง โดยเฉพาะแบรนด์ของญี่ปุ่น
ที่ญี่ปุ่นจะแพงกว่าที่สวิตฯค่ะ

ความเห็นที่ 2

เราอยู่เมลเบิร์นนะ

ไปเที่ยวญี่ปุ่น เราว่าของถูกกว่าเมลเบิร์นนะคะ โดยเฉพาะของกิน
อย่างกลางวันเราไปกินเซ็ตข้าวหน้าเนื้อในโตเกียว มีข้าวหน้าเนื้อ
ปลาย่างหนึ่งชิ้น มิโสะซุปหนึ่งถ้วย และผักดอง เซ็ตนั้นราคาประมาณห้าร้อยเยน
ซึ่งถ้าเป็นที่เมลเบิร์น กินเป็นเซ็ตแบบนี้สิบกว่าเหรียญหรืออาจถึงยี่สิบเหรียญด้วยซ้ำ

ความเห็นที่ 3

ในความเห็นเรา (เราอยู่ออส)เราว่า เมืองที่ของแพงรายได้เค้าก็สูงไปด้วยนะ
รายได้ขั้นต่ำที่ออส ประมาณ 16-17 เหรียญต่อชม. หมูราคา กิโลละ$ 10
แต่เมืองไทยค่าแรงขั้นต่ำ เอาเป็นว่า 300 บาท ต่อวัน หมูราคา กิโลละ 100 กว่า
แบบนี้คนอยู่เมืองไทยเหนื่อยกว่านะ

ความเห็นที่ 4

อยู่ซูริค ขอบอกว่าแพงจริงอะไรจริง แม้จะชินแล้ว แต่ยังทำใจไม่ได้อยู่บ่อยๆ
บ้านที่เช่าอยู่แพงกว่าบ้านขนาดเดียวกันในเยอรมัน 2 เท่า หรือ 3 เท่าถ้าเทียบกับเบอร์ลิน
ออกจากบ้านเงินก็ปลิวออกจากกระเป๋าอย่างรวดเร็ว วันก่อนพาเด็กๆไปมิวเซียม
หิวน้ำหิวขนมกัน เลยแวะกินที่คาเฟ่ของมิวเซียม สั่ง โคล่า 4 ขวด
กับขนมโดนัท 4 ชิ้น หมดไป 37 ฟรังค์ คิดเป็นเงินไทยประมาณพันสองร้อยกว่าบาท
เซ็งไปเลย สงสารคนเก็บเงินมาเที่ยว ค่าของเงินมันต่างกันมาก

ตามไปดูต่อที่

http://www.pantip.com/cafe/klaibann/topic/H11723739/H11723739.html

ดูข่าวช่อง 9 รายการข่าวข้นคนข่าว 21/02/55 หรือเปล่าครับ

เป็นกระทู้ที่พูดถึง การอ่านข่าวของรายการข่าวทางช่องหนึ่ง

ความเห็นเจ้าของกระทู้

มีการรายงานข่าวที่น้องคนหนึ่งที่เป็นนักร้อง โดนคนขึ้นบ้านขโมยของ
ผมจำชื่อไม่ได้ ตอนรายงานถึงเรื่องที่คนร้ายเอาโทรศัพท์มือถือของน้องไป
โดยไม่ทำอะไรน้องเขา ถึงตอนนี้คนอ่านข่าวผู้ชายทั้ง 3 คน หัวเราะกันใหญ่
แล้วคนที่อยู่ทางขาวมือหน้าจอ ถามว่าไม่ทำอะไรเหลอ คนตรงกลางก็หัวเราะใหญ่
น่าละอายมาก จรรยาบรรณอยู่ไหน ใครดูช่วย เม้นหน่อยครับ

ความเห็นที่ 1

อย่าถามหาคำว่าจรรยาบรรณกับรายการนี้เลยครับ

ความเห็นที่ 2

ไม่ต้องถึงเสื้อแดงหรอกคะ นั่งดูอยู่ก็ยังไม่เข้าใจว่า การที่โจรขึ้นบ้าน ผู้หญิง
มันมีอะไรน่าหัวเราะ และจะพูดทำไมว่า โจรไม่ทำอะไรเลยหรอ
จุดประสงค์ในคำพูดต้องการอะไรหรอคะ -*-

ความเห็นที่ 3

เราฟังตอนแรก คิดว่าคนอ่านข่าวนี้เค้าจะสำลักน้ำลาย เพราะภาพไม่ได้จับเค้า

แต่พอภาพจับมา เค้าก็ยิ้มๆ กัน เราก็แอบอึ้งเหมือนกัน
ถ้าเราเข้าใจถูกว่าเป็นการแก้เหตุการเฉพาะหน้านะ มันไม่เข้าท่ากันเสียเลย
มันทำให้เห็นว่าลึกๆ แล้วพวกคุณคิดอะไรกันอยู่

ความเห็นที่ 4

ใครจะขำใครก็ชั่ง ประเด็ดมันอยู่ที่คำว่า "ไม่ทำอะไรเลยเหรอ"

ถ้าเป็นลูกเมียของคุณทั้งสาม โจรมันขึ้นบ้าน อย่าลืมสะกิดโจรแล้วบอกว่า
"ไม่ทำอะไรเลยเหรอ" ด้วยน่ะครับ

ตามไปดูต่อที่

http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A11738574/A11738574.html

วันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

อยากให้ผู้จัดทำละครมีความรู้สึกรับผิดชอบต่อสังคม คำนึงถึงผลต่อสังคม

เป็นกระทู้ที่พูดคุยถึง ละครไทยกับคุณธรรม

ความเห็นเจ้าของกระทู้

เพราะ ละครนั้น แทรกซึมได้มากกว่าสื่ออื่นๆ มันมีผลในวงกว้างต่อสังคม
เป็นการหล่อหลอมความเชื่อของให้สังคมนั้นๆ อยากให้ผู้จัดคำนึงถึงสังคมมากๆ

แล้วใช้ความสามารถของคุณที่มี ทำละครที่ดีและสนุก ที่รู้สึกอย่างนี้
หลังจากได้ดูซีรีย์ ญี่ปุ่นเรื่อง Code Blue ดูแล้วรู้สึกว่า ทำไมเราไม่มีซีรี่ย์แบบนี้บ้าง

ไม่แปลกใจว่าทำไมประเทศเค้าเจริญ เป็นซีรี่ย์ในดวงใจตอนนี้เลยทีเดียว
อยากแนะนำให้ไปดู เพราะเราดูแล้วรู้ว่าเราได้อะไรโดยไม่ต้องมี
พระมาเทศบอกทีหลังว่าอะไรดีอะไรไม่ดี

เรื่องนี้เกี่ยวกับหมอฝึกหัดที่ตั้งใจทำงานแข่งกันเพื่อจะ ได้เป็นแพทย์ฉุกเฉิน
ไม่มีเรื่องราวรักๆใครๆ ตัวเอกร้องไห้ไม่ใช่เพราะความรัก แต่เจ็บใจที่ทำงานพลาด
เป็นซีรี่ย์ที่ส่งเสริมความสำคัญของครอบครัว การมีน้ำใจต่อคนรอบข้างและการเสียสละ

เรียกว่า ดูแล้วรู้เองว่าเราได้อะไร จากซีรีย์นี้ ดูแล้วอยากเป็นคนดี
และคิดถึงพ่อแม่มากขึ้น อยากตอบแทนสังคมมากกว่าเดิม
และซีรีย์นี้ไม่มีตัวละครตัวไหนมาสอนคนดูแบบยัดเยียด เช่น คุณต้องไม่สูบบุหรี่ หรือ
คุณอย่าโกงนะ

แต่เนื้อหาทั้งหมดทำให้เราคิดได้เองว่าต้องการจะบอกอะไร ข้อมูล เป๊ะมาก
ดูแล้วเชื่อว่าทุกคนเป็นหมอจริงๆ เราเองมีน้องเป็นสัตวแพทย์
ดูแล้วเค้าฮึกเหิม ส่งเสริมคุณธรรมในจิตใจมากกว่าเดิม
อยากทำเพื่อสังคมมากกว่าเดิม เห็นความสำคัญของทุกหน้าที่ ทุกอาชีพ
มีความเคารพผู้อื่น นี่คือสิ่งที่ได้จาก ซีรี่ย์เรื่อง Code Blue

อยากถามว่า ผู้จัดไทยทำได้มั้ยคะ ละครดี ที่สนุก สร้างสรรค์สังคม
เรื่อง ผู้ใหญ่ลีกับนางมา คุณทำสำเร็จมาแล้ว อยากเห็นอีกค่ะ

อยากเห็นละครไทย ทำได้สมจริง ทำให้คนได้คิด และสร้างเสริมคุณธรรมในจิตใจ
อย่าลืมว่า เด็กไม่อ่านหนังสือพิมพิ์ แต่ดูละคร ด้งนั้น ละครมีอิทธิพลมากนะคะ

อยากให้ผู้จัด มีอุดมการณ์ ตัดบทกรี๊ดๆตัวอิจฉาออก พระเอกนางเอกตั้งใจทำงาน
นับถือคนเพราะเค้าดี ไม่ใช่รวย คุณๆผู้จัดคะ คุณมีอิทธิพลต่อสังคมมากนะคะ

อยากเห็นละครดีๆบ้างค่ะ ละครที่ส่งเสริมคุณธรรม แบบแยบยล ไม่ใช่มาบอกทีหลังว่า
อย่างงี้ไม่ดีนะ แต่ทำให้เรารู้เอง ทำให้คนดูใช่สมอง ไม่ใช่มานั่งพร่ำบอก

ความเห็นที่ 1

ต้องถามอีกเหมือนกันนะคับ ทำละครดีๆเนื้อหาเข้มข้นมา จะมีคนดูรึเปล่า - -'


คนไทยหลายๆ พูดกันว่า ทำงานเหนื่อยทั้งวัน ไม่อยากกลับมาดูอะไรหนักๆ อีก
ถ้าทำเนื้อหาลึกลับซับซ้อนคุณธรรมมาก กลัวคนจะไม่ค่อยดูอีก - -'

อย่าง 365 วันแห่งรัก ผมว่าเป็นละครที่ดีมาก
แต่เสียงส่วนมากมีแต่บอกว่า เครียดจัง ดูสองตอนก็เลิกดูละเครียดเกิน - -'

ความเห็นที่ 2

จริงๆ ละครทีีดีไม่ต้องเครียดก็ได้นะคะ
ดิฉันเห็นด้วยกับเจ้าของกระทู้

อย่างน้อยที่สุด ถ้าไม่ละครที่ดีมาก แต่เพียงขอให้นำเสนอบางสิ่งที่โจ๋งครึ่มเกินไป เช่นบนเลิฟซีน ไม่ต้องเน้นมาก
ละครสนุกได้จากหลายปัจจัย ไม่อยากใ้ห้หวังผลทางการตลาดเพียงอย่างเดียว

เด๋วนี้ เ็ด็กชายป.5 ข่มขืน เด็กชาย ป.3 แล้วนะคะ
คุณคิดว่า เป็นสัญชาตญาณที่จะออกในวัยนี้เหรอ ถ้าไม่ได้รับอิทธิพลจากสื่อ

ความเห็นที่ 3

ละครไทยเอา >> ความรัก-ความอิจฉา-การแก้แค้น (แบบเด็กๆ) << เป็นศูนย์กลางการดำเนินเรื่อง


ตัวละครใช้ชีวิตแบบไร้แก่นสาร ไม่มีคุณค่าอะไรในการดำรงอยู่บนโลกนี้
(แล้วมีคุณสมบัติอะไร ที่จะผลิตออกมาโลดแล่นให้ผู้ชมดู งงมากกับประเด็นนี้ของละครไทย ^^")
ก็เลยไม่สามารถสร้างความรู้สึกรัก/ศรัทธา/ชื่นชม/ผูกพันในตัวละครให้กับผู้ชม


ละครไทยมีกี่เรื่อง ที่เนื้อหาโครงเรื่อง การเขียนบท วิธีการถ่ายทำ การถ่ายทอดนำเสนอ...
มีคุณค่าพอที่จะสร้างความประทับใจเชิงลึกให้ผู้ชม

ความเห็นที่ 4

ชอบซีรีย์ญี่ปุ่นมานานแล้ว เพราะคิดว่าเค้าทำแบบ ละเอียดอ่อน มีข้อคิดหลาย ๆ อย่าง ดีกว่าบ้านเราค่ะ ดูแล้วอบอุ่น

ตามไปดูต่อที่

http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A11727356/A11727356.html

วันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ซีวอนน่ารักจังถอดเสื้อมาให้สาวแพนเค้กคลุมขา (มีภาพ)

เป็นกระทู้ที่พูดคุยถึง นักร้องชายคนดังจากประเทศเกาหลีใต้

ภาพประกอบ





ความเห็นเจ้าของกระทู้

เมื่อหนุ่มซีวอน นักร้องเกาหลีแห่งวง super junior
ที่มาร่วมงานอีเว้นท์เดียวกับคุณน้องแพนเค้กถอดเสื้อมาให้สาวแพนเค้กคลุมขา
เพราะเห็นว่าเธอใส่กระโปรงสั้นมาก เกรงว่าจะโดนถ่ายรูปไม่เหมาะสม....

คงต้องบอกว่าหากใครเป็น Fan club เกาหลี ก็จะรู้ดีว่า ที่เกาหลี
ถึงเค้าจะใส่สั้นกันแค่ไหน แต่เวลาที่ต้องนั่งหรือเสี่ยงว่าจะถูกถ่ายเสย
เค้าก็จะเตรียมผ้าให้ดารา นักร้องผู้หญิงคลุมเอาขาไว้....

เครดิตเจ๊เจ๋อ เวป sanook ค่ะ

ความเห็นที่ 1

น่ารักจัง


หน้าแพนเค้ก แบบ เอ่อมม ตรูจะงานเข้าไหมเนี่ย 5555+

ความเห็นที่ 2

โห แมนอ่ะ

ปกติไม่ค่อยรู้จักดาราเกาหลีเลย แต่ต่อไปนี้จำซีวอน super junior ได้แล้วล่ะ

ความเห็นที่ 3

คิดเหมือนจขกท.เลย แต่อธิบายไม่เป็น
สังเกตุมานานแล้วว่าที่เกาหลีถึงจะใส่สั้นแค่ไหน
เวลานั่งก็ต้องมีผ้าคลุมทุกครั้ง
เลยอดคิดไม่ได้ว่าสาวเกาหลีบางครั้งเค้าก็
รู้จักสงวนและวางตัวดี ดีกว่าดาราสาวไทยบางคนเสียอีก
(หมายถึงดาราทั่วไปนะคะ สังเกตุตามงานอีเวนท์ต่างๆ
หรือว่าออกตามรายการต่างๆ ไม่ได้ว่าว่าเจาะจงเฉพาะใคร
โปรดอย่ามีดราม่านะคะ อดคิดไม่ได้ว่าเธออาจตั้งใจโชว์)
ที่ทั้งเปิดบนโชว์ล่าง จะลุกจะนั่งแต่ละทีเออ...

ความเห็นที่ 4

อยากเจอผู้ชายแบบนี้จริงๆ

เราพูดโดยไม่รู้จักดาราเกาหลีเลยนะ

และจากใจของหญิงไทยคนนึง ขอบอกว่า เรารู้สึกอายอ่ะ
เราเป็นผู้หญิงแท้ๆ ยังไม่ค่อยป้องกันตัวเองเลย แต่ผู้ชาย แถมไม่ใช่ชายไทยอีก กลับปกป้องเราแทน

ฝากถึงทีมงานด้วยนะคะ ว่าอยากให้ดูแลดาราให้มากกว่านี้

ตามไปดูต่อที่

http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A11713999/A11713999.html

ถ้าทำได้แค่นี้ เลิก "เป็นต่อ" ทำไม

เป็นกระทู้ที่พูดคุยถึง ละครเรื่องใหม่ที่มาแทนละครดังที่ลาจอไป

ความเห็นเจ้าของกระทู้

ไม่เข้าใจจริงๆ ว่า คุณบอย เลิก "เป็นต่อ" แล้ว ทำ "เป็นต่อ" ด้วยเนื้อหาเก่าๆ
ไม่ได้พัฒนาไปจาก การเอาเรือ่งบันเทิงมาแฉให้เละ ด้วยเรื่องในมุ้ง นอกมุ้งตามเดิม
โห.... ถ้าเป็นอย่างนี้ ทำได้ดีแค่นี้ ไม่ทราบว่าเลิก "เป็นต่อ"
ไปหาพระแสงของ้าวใดกัน ฤา????

ความเห็นที่ 1

ผมดูแล้วก็โอเคนะ เพลินๆ นักแสดงเล่นดี บทดี

แต่ผมเสียใจ ทุกวันพฤหัสผมมีนัดสร้างรอยยิ้มกับพี่อู๊ด พี่ยม พี่วอก
ผมไม่ได้ต้องการดราม่ารอบดึก ถึงมันจะสนุกแค่ไหนก็ตาม แต่มันดึกแล้ว
ผมอยากดูอะไรที่มันอมยิ้มแล้วเข้านอนมากกว่า

ผมไม่ต้องการอะไรแบบนี้...

ความเห็นที่ 2

คิดถึง อู๊ด ยม วอก มากๆ

ไม่ใช่ไม่เปิดใจรับ "เป็นข่าว" นะครับ

แค่ยังทำใจไม่ได้
ผมไม่เคยพลาดเป็นต่อ ซักตอน จริงๆ
ถึงจะไม่ว่างก็ต้องหามาดูให้ได้ แต่ตอนนี้มันไม่มีแล้ว T-T

ความเห็นที่ 3

คนเราทำงานเครียดมาทั้งวัน ตั้งหน้าตั้งตารอให้ครบหนึ่งอาทิตย์
ที่เคยมีสิ่งหนึ่งที่เรียกว่า "เป็นต่อ" ไว้เพื่อคลายเครียดสนุกสนาน
ผ่อนคลายประทับใจบ้างทุกๆอาทิตย์ มาวันนึงสิ่งนั้นได้ถูกสิ่งลี้ลับช่วงชิงไป
เพื่อ "เป็นข่าว" ที่ทำให้มันกลายเป็นเรื่องเครียดกว่าเดิม

ที่ทำให้คนที่รอดูรอชมไปๆมา หัวคิ้วเริ่มชนกันแทบจะใกล้ประสานงากันเต็มที
หรือว่านี่จะเป็นนโยบายใหม่ของช่องให้ประชาชนปิดทีวีแล้วนอนเร็วขึ้นกันแน่ หึหึ

ความเห็นที่ 4

เนื้อเรื่องทำออกมาน่าสนใจดีเลยทีเดียวแต่อยู่แต่อยู่ผิดที่ผิดเวลาไปหน่อย
เพราะคนไทยชินกับเสียงหัวเราะคืนวันพฤหัสไปแล้ว
เปลี่ยนกระชากแนวแบบนี้หลาย ๆคนคงรู้สึกว่าเหมือนมีอะไรขาดหายไปจริง ๆ

ตามไปดูต่อที่

http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A11717950/A11717950.html

สังเกตมั๊ยว่าข่าวทีวีของ TPBS...

เป็นกระทู้ที่พูดถึง การเสนอข่าวของสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่ง

ความเห็นเจ้าของกระทู้

1. ไทพีบีเอสจะเน้นแต่ข่าวในแง่ลบของรัฐบาล
หรือบางเรื่องเป็นข่าวปกติแต่ช่องนี้ก็จะพยายามนำเสนอในมุมมองด้านลบ จับแพะ ชน แกะ ให้ออกมาดูติดลบที่สุด

2. ไทยพีบีเอสชอบให้เวลาออกอากาศแก่คนที่มาจากฝ่ายค้านหรือคนที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล มากกว่าคนจากฝ่ายรัฐบาล
หลายๆ ข่าวที่เกี่ยวกับรัฐบาล ไทยพีบีเอสจะใช้วิธี อ่านคำพูดของคนจากรัฐบาลสั้นๆ หรือให้ฟังเสียงสั้นๆ และให้เห็นภาพสั้นๆ
แต่ไปเน้นแถลงการณ์ การตอบโต้ จากฝ่ายค้าน เช่นออกอากาศคำพูดของโฆษกฝ่ายค้านแบบเต็มๆ ให้ฟังกันยาวๆ

3. ไทยพีบีเอสชอบขยายความในเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ กับรัฐบาลนี้มากกว่าถ้าเทียบกับรัฐบาลที่แล้ว
เช่นถ้าเป็นกรณีเดียวกันแต่เกิดกับรัฐบาลที่แล้วไทยพีบีเอสจะปิดปากเงียบ ไม่นำเสนอ
ยกตัวอย่างเช่นกรณี ถูกกล่าวหาจากผู้นำประเทศว่าไปเจรจาลับ เรื่องนี้ไทยพีบีเอสเซ็นเซอร์ตัวเองไม่นำเสนอเลย
มองในมุมกลับ ถ้าเรื่องนี้เกิดกับรัฐบาลชุดนี้รับรอง ไทยพีบีเอสคงทำสกู๊ปเช้า เที่ยง เย็น พร้อมเชิญนักวิชาการมาสัมพาษณ์กัน 3 วัน 7 วัน

4. ถ้ามีประเด็นข่าวเกี่ยวกับฝ่ายค้าน ไทยพีบีเอสจะนำเสนอเป็นข่าวเด่น ให้ความสำคัญมาก
ถ้าเป็นข่าวในแง่ลบ ไทยพีบีเอสจะให้เวลาในข่าวกับการชี้แจงมากกว่าปกติ และจะงดนำคำพูดของผู้กล่าวหามาใส่ไว้ในข่าว
หรือแม้แต่ข้อเท็จจริงแต่ถ้ามันจะส่งผลลบต่อฝ่ายค้าน ก็จะถูกตัดออกเช่นกัน ซึ่งจะเป็นตรงกันข้ามทันทีถ้ากรณีเดียวกันเกิดกับรัฐบาล

5. ไทยพีบีเอส เน้นให้เวลาสำคัญในเนื้อข่าวนั้นกับฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยมากกว่าที่แสดงเนื้อหาจากฝ่ายรัฐบาล

6. ถ้ามีข่าวลบของรัฐบาล แม้จะเป้นเรื่องเล็กแค่ไหน ไทยพีบีเอสจะเน้นเสนอข่าวนั้นนานๆ และติดตามออกอากาศหลายๆ ช่วง
โดยเฉพาะจะไปเน้นต่อช่วงไพรมไทม์ 3-4 ทุ่ม พร้อมทำสกู๊ป สัมภาษณ์นักวิชาการ หรือถึงขั้นเชิญนักวิชาการมาด่าในห้องส่ง
แต่ถ้าเป็นข่าวที่ออกแล้วจะเป็นประโยชน์กับรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใหญ่แค่ไหน ทีวีช่องอื่นออกกันหมด
ไทยพีบีเอสจะไม่ออกอากาศเลยหรืออกเป็นข่าวสั้น ไม่ให้ความสำคัญ ย้ายไปช่วงท้ายๆ หรือนำไปออกช่วงข่าว เที่ยงคืน แต่มักจะไม่ออกช่วงปกติหรือช่วงไพรมไทม

7. ไทยพีบีเอส ใช้เทคนิคด้านสื่อมวลชนขั้นสูงหลายๆ อย่างที่ดูแล้วจับทางได้ โดยเฉพาะคนที่เคยดูช่องเอเอสทีวีหรือเนชั่นบ่อยๆ
เช่นการสอดแทรกเนื้อหา การเรียงข่าวต่อกันเพื่อหวังผลด้านความรู้สึก เช่นออกข่าวเรื่องนี้เสร็จ ก็จะออกข่าวต่างประเทศเรื่องที่มีกรณีคล้ายกันต่อ
เพื่อหวังให้ข่าวแรกดูติดลบมากยิ่งขึ้น แม้ว่าข่าวต่างประเทศชิ้นนั้นจะไม่มีความสำคัญหรือเกี่ยวข้องเลย รวมทั้งไม่มีทีวีในไทยช่องไหนออกข่าวชิ้นนั้นเลยก็ตาม
หรือการใช้คำพูด การเล่นคำ หรือการดึงจุดที่อ่อนที่สุดในเนื้อข่าวมาขยายผลเพื่อหวังบางอย่าง
และอีกหลยเทคนิคที่ใช้มาตลอดเวลาตั้งแต่ได้เข้ามาใช้ประโยชน์จากช่องนี้

8. พิธีกรของไทยพีบีเอสในช่วงเวลาหลักๆ จะมาจากเครือเนชั่นทั้งสิ้น ไม่มีคนนอกเลย รวมถึงคนที่ได้ทำงานในช่องนี้ส่วนใหญ่ก็มาจากเนชั่น
ไม่ว่าจะเป็นรายการต่างๆ ได้โควต้ามาเต็มเลย เรียกว่าได้รับผลประโยชน์จากทีวีที่ใช้เงินจากภาษีอย่างเต็มที่


9. ไทยพีบีเอสชอบสัมภาษณ์หรือเชิญ *แต่* นักวิชาการที่มี *อคติ* กับฝ่ายรัฐบาลอย่างชัดเจน
หลายครั้งที่ตัวข่าว ต้องการ ความเห็นจากนักวิชาการมาเสริมเพื่อให้เนื้อหาที่ไทยพีบีเอสบิดเบือนดูน่าเชื่อถือขึ้น
ก็จะดึงแต่นักวิชาการจาก ม. ต่างๆ ที่เป็นเป็นขาประจำ มาให้ความเห็น

10. รายการสัมภาษณ์ พูดคุยของไทยพีบีเอส ชอบเชิญเฉพาะคนของตัวเอง หรือคนที่คิดว่าอยู่ฝ่ายตัวเองมาพูดคุย
ไม่แตกต่างจากรายการที่เราเห็นได้ทางช่องเคเบิลอย่าง เนชั่น ลักษณะการทำงานจะคล้ายกันคือเชิญมากี่คนๆ หลับตาฟังเสียงก็รู้แล้วว่าใคร
หลายครั้งไทยพีบีเอส พยายามจะทำให้ช่องดูน่าเชื่อ ดูเป็นกลาง และได้รับการยอมรับมากขึ้น ด้วยการเชิญคนจากฝ่ายอื่นๆ เข้าร่วม
แต่ก็ถือว่าน้อยมากๆ ถ้าเทียบเป็นอัตราส่วนเวลากับคนอีกกลุ่มที่ไทยพีบีเอสเชิญมาเป็นประจำ

ความเห็นที่ 1

ไปดูจากผลการศึกษาของ TDRI จะเห็นครับว่า Tpbs งานในด้านอื่น ๆ ค่อนข้างดี
แต่มีปัญหาในด้านการทำข่าวอยู่มาก

ผลศึกษายังออกมาว่าควรจะที่เอากลับมาบริหารแบบเดิม
หรือจะยังให้เงินสนับสนุนต่อไปหรือไม่ บอร์ดบริหารของ Tpbs ก็รู้ครับ
เ้พราะเขาจ้างบริษัทศึกษาอยู่ ว่าทีมข่าวของช่องมีปัญหา

ความเห็นที่ 2

สื่อสาธารณะคือสื่อที่เป็นกลาง ไม่ใช่กลางใจฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

ความเห็นที่ 3

หลายคนแยก หน้าที่ไม่ออก ระหว่าง
สื่อสาธารณะ กับสื่อจัดตั้ง

ดูอย่าง ช่อง 7 ไม่เลื่อกสี ไม่เลื่อกข้าง
เนื้อข่าวมียังไงก็เสนอไปตามนั้น

จบข่าว ก็ ฉายละครต่อ แต่ กับ TPBS เห็นด้วยว่าเอียง
เมื่อเทียบกับตอน เป็น itv หลายคน กระแหนะกระแหนว่า

ต้องแบบเอเชียอับเดท ถึงจะดี โถ่จะดีได้ไง เขาแดงทั้งช่อง
ช่อง astv ก็เหลื่องทั้งช่อง ต้องแยกให้ออก สื่อสาธารณะเป็นไง

ควรทำตัวยังไง เสนอข่าวยังไง กินเงินใครอยู่ อย่าได้ทำตัว
เป็น สลิ่ม บอกเป็นกลาง แต่แอบมีสอดใส้ข้างใน

ความเห็นที่ 4

ข่าวช่องนี้จะถูกใจคนที่มีอคติกับรัฐบาล

พยายามทำเนียนว่าเป็นกลางครับแต่แอบเชียร์ปชป.

จขกท.พยายามบอกว่ามันใช้เงินภาษีจากประชาชนทั้งประเทศ

NBTมันช่องของรัฐบาลเขาก็ต้องประชาสัมพันธ์เชียร์รัฐบาลอยู่แล้ว

ไม่ว่ารัฐบาลไหนขื้นมาสมัยรัฐบาลปชป.ก็เห็นเชียร์แต่ปชป.

TPBSเอาไปเปรียบเทียบกับช่องเอกชนอื่นได้ไงเจตนรมย์ก่อตั้งต่างกัน

ดูผู้บริหารก็รู้อยู่แล้วว่ามันมีอคติ

ตามไปดูต่อที่

http://www.pantip.com/cafe/news/topic/NE11709947/NE11709947.html

วันพฤหัสบดีที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

เมเจอร์เปลี่ยนแนวปรับราคาตั๋วตามหน้าหนัง

เป็นกระทู้ที่พูดถึง การขึ้นราคาบัตรเข้าชมภาพยนตร์

เนื้อหาข่าว

นายวิชา พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป

เปิดเผยว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจในปีนี้
บริษัทจะเริ่มใช้นโยบายการปรับราคาตามหน้าหนัง หรือแบ่งราคาขายตั๋วตามฟอร์มหนัง

ซึ่งจะส่งผลให้ราคาตั๋วหนังฟอร์มใหญ่ ฟอร์มกลาง และฟอร์มเล็ก มีราคาขายแตกต่างกัน
เพื่อให้ลูกค้ามีทางเลือกในการซื้อตั๋วหนังมากขึ้น

โดยในปีนี้คาดว่าภาพรวมราคาตั๋วหนังจะมีการปรับราคาขึ้นมาประมาณ 3-5%
ตามต้นทุนที่ปรับเพิ่มสูงขึ้น ทั้งค่าแรงขั้นต่ำ เงินเฟ้อ และค่าเช่าพื้นที่ปรับเพิ่มสูงขึ้น

ปัจจุบัน บริษัทจำหน่ายตั๋วหนังราคาเฉลี่ยที่ประมาณ 140 บาท
ถ้าหากเป็นหนังฟอร์มใหญ่จะมีการปรับราคาเพิ่มขึ้นมา 10%
หรือประมาณ 20 บาท แต่ถ้าหากเป็นหนัง 3 มิติจะมีราคาสูงกว่า 2 มิติ
ประมาณ 20% หรือประมาณ 50 บาท และหนัง 4 มิติ จะมีราคาตั๋วสูงกว่าที่นั่งปกติประมาณ 1 เท่าตัว

ซึ่งภายหลังจากที่บริษัทได้เปิดตัวโรงหนัง 4 มิติไปในช่วงปีที่ผ่านมา
ปรากฏว่าได้ผลการตอบรับที่ดีมาก ดังนั้น ในปีนี้บริษัทมีแผนที่จะเปิดโรงหนัง 4 มิติ เพิ่มขึ้นจำนวน 1 โรง

ล่าสุด บริษัทได้เพิ่มช่องทางขายตั๋วผ่านบริการเคาน์เตอร์เซอร์วิส
ที่ร้านเซเว่น-อีเลฟเว่น และจุดบริการอื่นๆ รวมกว่า 8,000 สาขาทั่วประเทศ
ซึ่งหลังจากขยายช่องทางบริการใหม่ดังกล่าว บริษัทเชื่อว่าจะช่วยเพิ่มความสะดวกและรวดเร็วให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี

“การซื้อตั๋วผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิสจะสามารถใช้ได้กับภาพยนตร์ที่เข้าฉายวันต่อวันเท่านั้น ซึ่งทางเคาน์เตอร์เซอร์วิสจะคิดค่าบริการเพิ่มประมาณ 10-15 บาท " นายวิชา กล่าว
ทั้งนี้ ภายหลังจากที่บริษัทเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องคาดว่าสิ้นปีจะมีรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 15-20%

ที่มา

http://www.thaipost.net/news/170212/52685

ความเห็นที่ 1

ปรับราคาขึ้น แต่ไม่ปรับการบริการ มันจะมีประโยชน์อะไรกัน?

ความเห็นที่ 2

เพื่อให้ลูกค้ามีทางเลือกมากขั้น ฟังดูดีเนอะ
ต่อไปหนังฟอร์มใหญ่ราคาคงอยู่ที่ 160-180 บาท
ได้แต่หวังว่า SF คงไม่ทำตามนะ

ความเห็นที่ 3

ราคาตั๋วหนังที่ใจกลางนิวยอร์คเครือ AMC แค่ 8 ดอลเอง ถ้าซื้อ Voucher
ล่วงหน้าขายใบละ 6 ดอล ใช้เมื่อไหร่ก็ได้ ไม่เห็นเค้าจะขึ้นราคา
อ้างต้นทุนห่านน อะไรเรย เห็นแก่ตัวไปมั้งคุ๊ณณ Major

ความเห็นที่ 4

ในราคา150+
รอซื้อCD/DVDแล้วหล่ะ ดูได้หลายรอบด้วย เดี๋ยวนี้บ้านใครก็มีโฮมเทียร์เตอร์ทั้งนั้นแหละ

ตั้งแต่ตั๋วหนังราคาเกิน120 ไม่ค่อยได้เข้าโรงเลย 5555

ทไวไลท์ แฮรี่ ATM ฯลฯ รอแผ่นตลอด โรงเอาไว้ให้คนมีรายได้เหลือๆเค้าไปดูกัน
ส่วนเรางบน้อยรายได้ต่ำ ก็อดใจรอแผ่นแทน

ตามไปดูต่อที่

http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A11717295/A11717295.html

วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

วู๊ดดี้ นายทำเราหน้าชา

เป็นกระทู้ที่พูดคุยเกี่ยวกับ พิธีกรชายชื่อดัง

ความเห็นเจ้าของกระทู้

เพิ่งได้ดูวู๊ดดี้สัมภาษณ์มิเชล โหย่ว มิเชลตอบคำถามได้ดีสุดๆ แต่วู๊ดดี้ ซึ่งเป็นลูกนักการทูต ถามอะไรที่เราเองหน้าชาเลยว่า ถามไปได้ยังไง ยกตัวอย่าง

1. คุณเป็นคนจีนในมาเลย์รู้สึกแปลกแยก เหมือนเป็นคนนอกไหม !!!

คือใครจะตอบตรงๆ เราก็รู้เรื่องภูมิบุตรของมาเลย์แรง เหมือนถามคนมุสลิมภาคใต้ ว่ารู้สึกเป็นคนนอกไหมอยู่ในเมืองไทย เราได้ยินจะคิดยังไง คือถ้ามีเรื่องนำไปสู่คำถามยังโอเค แต่นี่แทบเป็นคำถามแรกเลย ถ้าเค้าบอกอะไรผิดๆ ไปเค้าก็ซวย คนมาเลย์รู้เข้า เค้าจะว่ายังไง เป็นภาษาอังกฤษด้วย อย่าเห็นว่าเรื่องนี้งี่เง่านะ เพราะเรื่องดาราพูดอะไรในรายการเนี่ยเกิดเป็นประเด็นขัดแย้งระหว่างประเทศมาแล้ว นั่นขนาดข่าวลือนะ

2. ไหนลองพูดภาษาอังกฤษสำเนียงไทยซิ ลองพูดอังกฤษสำเนียงมาเลย์ซิ!!!

คือเหมือนบังคับให้เค้าล้อเลียนประเทศเจ้าภาพที่สัมภาษณ์เค้า ใครจะบ้าทำ ลองทำซิคนไทยจะได้ด่าว่ามาล้อเลียนเรา ยังไม่พอ !!! ยังบอกให้เค้าพูดอังกฤษสำเนียงมาเลย์ ล้อเลียนประเทศแม่ตัวเอง บ้าไปแล้ว ลองเค้าเผลอพูดมาดิ โดนคนในประเทศเค้าด่าแน่นอน เรื่องอย่างนี้ มีพวกดาราที่เผลอตัวเล่นไปตามพิธีกรวิจารณ์โน่นนี่ โดนแอนตี้ไปแล้วกี่คน แล้วดูบุคคลิกเค้าก็ไม่ใช่จะเป็นคนล้อเล่นขนาดนั้น คือเป็นกันเอง แต่อย่ามาให้กรูทำอะไรบ้าๆ

3. เอาก้นให้เตะ

อันนี้อาจจะไม่ค่อยเท่าไหร่ ถ้าคิดว่าเค้าเป็นนักแสดงบู๊ แต่นี่เซ็ทติ้งมันไม่ใช่!! เค้าเองก็แต่งตัวดี มาดดี มาให้เตะตูดคนในรายการ เค้าก็ต้องทำอะนะ เพราะไม่รู้จะทำอย่างไร อย่างน้อยเค้าก็คนเอเชียเหมือนเรา เค้าก็รู้ว่าทำอย่างนั้นมันน่าเกลียด ผู้หญิงไทย อายุขนาดนั้น คงไม่อยากถีบใครขณะสัมภาษณ์หรอก

4. บอกว่านายกเราร่างยักษ์

บ้าไปแล้ว ผมไม่ได้เป็นแฟนนายกปู แต่การบอกผู้หญิงว่ามีร่างยักษ์ (She is huge!!!) นี่มันเกินไป มิเชลเค้าบอกว่านายกสูง วู๊ดดี้ยังย้ำว่า ยักษ์ แล้วแทนที่จะตัดออกไปก็ไม่ตัด แปลกดี

5. ดูเหมือนคุณจะประสบความสำเร็จโดยไม่ต้องพยายามอะไรเลย!!!!

อ้าวอีนี่!!!! เดี๋ยวเปลี่ยนจากถีบตูด มาถีบหน้าเลยละกัน คือมิเชลเค้าบอกว่า ไปฮ่องกง ก็จังหวะดี เจอ ผกก. ให้งานพอดีอะไรอย่างนี้ วู๊ดดี้ดันบอกว่า เค้าไม่ต้องไม่ได้พยายาม!!!

จะว่าผมหน้าบางก็ได้ แต่มันรู้สึกว่าอายๆ ไงไม่รู้ ปรับปรุงหน่อยวู๊ดดี้

แก้ไขเพิ่มข้อ 5

ความเห็นที่ 1

ระดับวู้ดดี้แล้วไม่รู้จักคำว่าอายแล้วครับ

ความเห็นที่ 2

ยังมีคนดูรายการมันอีกเหรอ บทสัมภาษณืห่วย ๆ ไม่ให้เกียรติแขกในรายการ
คิดว่าแรง ถ่อย แล้วขายได้ กำจิง ๆ พิธิกรที่สัมภาษณ์แขกในรายการที่ดูดีที่สุดที่เคยดู คือ คุณดำรง พุฒตาล

ความเห็นที่ 3

ลืมไป ที่บอกว่าหน้าชา คือดูไป ก็แบบอยากจะขอโทษคุณมิเชลไป
และจะบอกว่าคนไทยไม่ได้ไร้มารยาทแบบนั้นทุกคน หวังว่าคุณมาเมืองไทยบ่อยคงเข้าใจ

และถ้าคุณจะถีบหน้าวู๊ดดี้ซักหน่อยผมก็ยินดี แต่เชื่อว่าคุณคงไม่ทำ

ความเห็นที่ 4

ไม่ได้ดูรายการนี้นานแล้ว แต่ยังตามอ่านกระทู้ที่พูดถึงบ้าง

หวังว่ารายการจะกลับมาดีเหมือนเดิม เราจะได้กลับไปดูใหม่

ชอบรายการวู๊ดดี้เกิดมาคุยสมัยแรกๆมาก ชอบคุณวู๊ดดี้ด้วย

คิดว่าเป็นรายการtalk showของคนรุ่นใหม่ที่ทำได้น่าติดตามสุดๆ

ยังคิดว่าคงหารายการแบบนี้มาเป็นคู่แข่งได้ยาก เพราะทำรายการได้ดีและคนดูชอบเยอะ

หลังรายการออกอากาศก็ยังเป็นเรื่องให้เม้าท์มอยกับเพื่อนฝูงได้ตลอด

แต่ช่วงหลังก็อย่างที่เห็น เฮ้อ...บอกได้คำเดียวว่าเสียดาย

ไม่มีคู่แข่งที่ไหนเลยที่มาล้มคุณได้ แต่เป็นตัวคุณเตะตัดขาตัวเองจริงๆ

ตามไปดูต่อที่

http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A11689024/A11689024.html

วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

พวกสื่อชั่วนี่ เสนอข่าวแต่ละอย่าง มันไม่แคร์สังคม และไม่ห่วงเยาวชนเลย อยากให้ชูวิทย์คุมสื่อครับ

เป็นกระทู้ที่พูคถึงเรื่อง การนำเสนอข่าวของสื่อสารมวลชนในตอนนี้

ความเห็นเจ้าของกระทู้

ทั้งสื่อ ทั้งโพลล์ นำเสนอแต่ละอย่าง น่าศอกใส่กกหูจริงๆ

วัยรุ่น1ใน3เคยสวิงกิ้งบ้าง วัยรุ่นเสียตัววาเลนไทน์บ้าง
ข่าวแต่ละอย่างมันสับแบบกะเอามันส์ เอาเงินเข้ากระเป๋า เรียกร้องความสนใจ

จากช่วงที่เริ่มมีการโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในปี 49 เป็นต้นมา
สื่อมันก็เริ่มจะเพี้ยนแล้ว

ความเห็นที่ 1

สื่อยุคนี้ มันเสี้ยมเหลือเกิน

ความเห็นที่ 2

สื่อแล้วได้ตังค์ใครจะไม่เอา

ความเห็นที่ 3

เดี๋ยวนี้สื่อเค้าเข้าไปหาแหล่งข่าวจาก FB ครับเอาไรมาก

คำว่าจรรยาบรรณพับเก็บใส่ลิ้นชักไว้ได้เลยไม่มีหรอกสมัยนี้

ความเห็นที่ 4

ถ้าบ้านเมืองสงบเรียบร้อย ประชาชนเป็นปรกติสุข
พวกนี้อดตายแน่ ถ้าไม่อย่างงั้น ถึงกับต้องเปลี่ยนอาชีพ

ตามไปดูต่อที่

http://www.pantip.com/cafe/news/topic/NE11697303/NE11697303.html

วันจันทร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

เมื่อไหร่ละครไทย จะเลิกใช้เสียงละเมิดลิขสิทธิ์ ?

เป็นกระทู้ที่พูดถึง การใช้เสียงประกอบในละครและรายการต่างๆของไทย

ความเห็นเจ้าของกระทู้

เมื่อไหร่ ละครไทย จะเลิกใช้เสียงละเมิดลิขสิทธิ์ ?
ไม่ว่า BG หรือเพลงประกอบอื่นๆ ไม่บอกว่าช่องไหนบ้าง
แต่หลักฐานลองไปดูที่ ยูทูป ถ้าคลิปไหนโดนแบนเสียง ก็อันนั้ละ
อย่างเช่น เสียง ลงถำใต้ดิน กับ เสียงเปิดจิ๊กซอว์ ในเกมส์ ฮีโร่สาม
หฟรือ บางรายการเอา เสียงมอร็อก ของเกมส์แรกนาร็อกมาเลยทีเดียว และมีเสียงมาจากอีกหลายเกมส์หรือหลายที่ แต่ส่วนมากเสียงที่มาจากเกมส์ คงคิดว่า คนทั่วๆไปไม่ได้เล่นเกมส์ที่ว่า ก็เลยใช้ได้อย่างเมามัน
ทั้งๆที่ คนทำเพลงประกอบละคร ก็ได้เงินไม่เยอะเท่า

บางครั้ง ผมเคยเจอ บางคนบอกว่า เพลง ประกอบฉากนี้.... ตอนที่...ออกมา ชอบมากมาย แล้วก็ชมคนแต่ง ต่างๆนา พอไปดูในยูทูป อ่า.... โดนแบนเสียง .........................

ความเห็นที่ 1

มันเปนที่ Sun dan ครับ

สื่อไทย ต่างโทษ การ์ตูนเอย เกมเอย เปนภัยกับสังคม ไม่ดีอย่างนั้น
ไม่ดีอย่างนี้ แต่สื่อไทยมักจะเอา Sound เอาเพลงต่างๆ
หรือบางทีก้อยก ซีน สวยๆจาก ทั้งเกมและการ์ตูนมาเปนของตัวเองทั้งนั้น

ล่าสุดได้ยิน Northern Cross จาก Macross F
ในรายการอะไรสักอย่างของช่อง 5 นี่แหละครับ

ความเห็นที่ 2

เมื่อโดนเจ้าของลิขสิทธิ์เรียก...เก็บค่าลิขสิทธิ์

ความเห็นที่ 3

อย่าว่าแต่สื่อไทยเลย สื่อต่างชาติเองก็ใช่ย่อย

ถ้าเคยอ่านลัคกี้สตาร์ก้น่าจะรู้ว่า แม้แต่รายการของญี่ปุ่นเอง
ก็ชอบเอาเพลงประกอบของเกมส์ H
มาเป็นซาวด์รายการ เสียด้วยซ้ำ

.....

ความเห็นที่ 4

อสูรน้อยมนตะเกียงแก้ว
กับ ost. harry potter

ตามไปดูต่อที่

http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A11673549/A11673549.html

สองคนนี้ใครเต้นเก่งกว่ากันคะ

เป็นกระทู้ที่พูดถึง การเต้นในเพลงประกอบ ละครอสูรน้อยในตะเกียงแก้ว 2555

MV อสูรน้อยในตะเกียงแก้ว.mov



ความเห็นที่ 1

เต้นเก่งทั้งคู่ แต่น้องชุดขาวได้เปรียบตรงที่หุ่นมี curve มากกว่าโดยเฉพาะช่วงก้น
ทำให้เวลาเต้นแล้วดูได้อารมณ์นางระบำมากกว่า

ความเห็นที่ 2

เหมือนจะเต้นตามบุคลิกในละครนะคะ

เพราะทับทิม ดูสวย อ่อนหวาน

ใบเฟริน ในเรื่อง แก่นเซี้ยว

ความเห็นที่ 3

เต้นเก่งทั้งคู่แหละ แต่บุคลิกและหน้าตาทำให้ทับทิมดูเด่นกว่าค่ะ

ความเห็นที่ 4

อู้ว น้องทับทิมเต้นดีจังเลย posture สวยงามทุกท่วงท่า

ลักษณะจะเคยเรียนนาฏศิลป์หรือเรียนเต้นมาก่อนหรือเปล่า?

ตามไปดูต่อที่

http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A11673438/A11673438.html

เบื่อ "เอ-อัญชลี" พี่สาวโย อาลัยอาวรณ์พร้ำเพ้อถึงแต่สามีเก่า มีศักด์ศรีหน่อยสิคุณ !!

เป็นกระทู้ที่พูดคุยเกี่ยวกับ ข่าวนางแบบหญิงกับสามีเก่า

ความเห็นเจ้าของกระทู้

ออกสื่อไมค์จ่อปากทีไร ก็พูดดดดถึงแต่เขาคนนั้น... ทำไมไม่รับผิดชอบ, อยากให้มาช่วยดูแล, ลูกโตขึ้นมาจะได้รู้ว่าเขายังมีพ่อ, นี่ก็เลือดเนื้อเชื่อไขของนะ บลา ๆ


ทำไมเอไม่องอาจ ไม่ทรนงในศักด์ศรีของตัวเอง เขาทิ้งไปแบบไม่เหลือเยื่อใยซะขนาดนั้น เห็นคุณค่าของตัวเองหน่อยดิ ซิงเกิ้ลมัมในแวดวงบันเทิงก็มีหลายคน... อย่างคุณแวร์ โซว ก็เห็นเธอเข้มแข็งหยัดยืนต่อสู้เพื่อลูก ไม่เคยเห็นร้องขอหรือขอความเห็นใจจากใคร อย่างงี้แหละ เลิศศศ

ความเห็นที่ 1

มันเป็นผลของการกระทำค่ะ

คนสมัยก่อนเค้าถึงได้สอนไว้ไงคะ ว่าอย่าเสียตัวจนกว่าจะได้เข้าห้องหอ

คุณเอน่าจะคิดได้ตั้งแต่แรกนะคะ อายุก็ไม่ใช่น้อยๆแล้ว

ไม่คิดบ้างเหรอคะว่าที่ผู้ชายไม่รับอาจเป็นเพราะมีลูกมีภรรยาอยู่ก่อนแล้ว

ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นคิดว่าคุณน่าจะรู้นะคะ

ความเห็นที่ 2

แปลกนะ

กับ เอ อัญชลี

นั่นเป็นลูกที่เกิดจากผู้ชายแท้ เรียกร้องไม่ได้


แต่กับ แอนนี่ กับ ฟิล์ม ที่ยังพิสูจน์ไม่ได้ว่า เป็นลูกจริงหรือไม่
ยังมีคนบางกลุ่ม ให้เรียกร้องเอากับฟิล์มคนเีดียว

ความเห็นที่ 3

ก็จริงนะ

เรื่องแบบนี้คิดยากอยู่
เราว่ามันเริ่มมาผิด พอถึงตอนนี้ มันก้ลำบาก
ตอนนั้น ฝ่ายหญิงให้ข่าวปาวๆ จะเป็นซิงเกิลมัมไม่ง้อผู้ชาย

ถ้าให้รับรองบุตรให้ส่งเสียแต่ตอนนั้น
ดำเนินการทางกฎหมายแต่ต้นให้แล้ว ก็คงจบ

แต่พอท้าทายไปเสร็จ ตอนนี้มาเรียกร้อง ไม่มีคนเขาสนใจแล้ว
สัมพันธ์มันก็ห่างหายไป ฟื้นความเก่าไปก้ไม่มีประโยชน์

อันที่จริง สองพี่น้องควรเลิกร้อง เลิกสร้างข่าวผ่านสื่อได้แล้ว
ถ้ามันได้ผล มันก็ได้ผลไปแต่แรกแล้วล่ะ
ถ้าเห็นแก่ลูก ก็ไปคุยกันเงียบๆว่าจะให้เขาส่งเสียลูกไหม
หรือถ้าจบไม่ได้ ก็ร้องศาลเอา

มาเซ้าซี้ เล้าหรือ ร่ำไร มากๆ
จากน่าเห็นใจ คนเขาจะหน่ายหน้าหนีกันหมด

ความเห็นที่ 4

เอเค้าเคยบอกว่า จริง ๆ ทางฝ่ายชายเค้าจะรับผิดชอบเรื่องลูก

แต่ทางเอบอกว่าไม่ได๊ ไม่ได้ ต้องรับทั้งแม่และลูก

ฝ่ายชายเลยไม่เอาอ่ะ

ตามไปดูต่อที่

http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A11673959/A11673959.html

ท้อคะ อายุ 26 แล้ว แต่ยังไม่เคยทำงาน

เป็นกระทู้ที่พูดคุยถึง การทำงานและอายุ

ความเห็นเจ้าของกระทู้

ดิฉันอายุ 26 ปีแล้วคะ

แต่ยังไม่เคยทำงานที่ไหนเลย

เสียเวลากับการเรียนปริญญาโทไปสองปี สุดท้ายแล้วก็เรียนไม่จบ

รู้สึกสิ้นหวังมากเลยคะ

พยายามสมัครงาน แต่ ก็ไม่มีใครรับเพราะไม่มีประสบการณ์

น่าละอายใช่มั้ยคะ

ความเห็นที่ 1

เป็นกำลังใจให้นะคะ อย่าเพิ่งท้อคะ
สมัครไปเรื่อย แล้วลองมองหาสิ่งที่ตัวเองชอบ สิ่งที่ตัวเองถนัดดูคะ

ยก ต.ย.นะคะ
เพื่อนเราก็เคยเป็นคะหางานไม่ได้
ช่วงไปเดินเล่นเห็นร้านขายน้ำผลไม้ปั้นเลยมาทำเองแถวบ้าน
กำไรดีคะ เพื่อนชอบด้วย ได้อยู่บ้านดูแลครอบครัวไปในตัวคะ

ความเห็นที่ 2

จบใหม่หางานนานครับ
ของผม 6 เดือนโน้นแนะ ส่งไปหลายร้อยบริษัท
(ที่ว่าพยายามนะ นานแค่ไหน ส่งไปกี่บริษัท)

ความเห็นที่ 3

เพื่อนผมเพิ่งหางานประจำได้ตอน ๓๐ ครับ
ก่อนหน้านั้น มันก็ทำอย่างอื่นไปด้วย

คนเรามีมือ มีเท้า

ขยันทำมาหากินเสียอย่าง ยังไงก็มีกินครับ

มีคนว่าไว้

งานน่ะ มีตลอดแหละ
อยู่ที่เรานั้นแหละ
จะเลือกงานขนาดไหน

ความเห็นที่ 4

---นี่คือผลพวงของความผิดพลาดของการศึกษาและสังคมคนไทย...ลูกหลานคนไทยส่วนมาก เมื่ออยู่ในวัยเรียน จะไม่ค่อยจับงานอื่น..เรียกว่าเรียนอย่างเดียว..งานอื่นไม่เคยแตะต้องเลย..ไม่เคยทำกับข้าว..ไม่เคยปลูกผัก..ไม่เคยขายของ มุ่งเรียนอย่างเดียว หวังเอาไว้ว่า เมื่อจบออกไปจะได้งานทำที่เหมาะกับตนเอง(งานสบายว่างั้นเถอะ) หลายบ้าน ครอบครัวมีอาชีพอยู่แล้ว..เช่น..ขายกาแฟ..ทำนา..ขายของชำฯลฯ แต่ลูกหลานก็ไม่สืบทอด..ผมมีเพื่อนอยู่จังหวัดพิจิตรคนหนึ่ง พ่อเป็นเจ้าของโรงสีมีที่นาพอสมควร..ส่งลูกเรียนจนจบ ลูกเป็นหมอสบายอยู่กรุงเทพ ปล่อยให้ครอบครัวพ่อไม่มีผู้สืบทอด จนกลายเป็นโรงสีร้าง...ตัวพ่อก็ไม่มีแรงทำ..สุดท้ายก็ตายลงไปอย่างน่าเสียดาย

---คุณเองหลงเรียนอยู่ตั้้งนาน..ลองมองรอบๆ ตัวดูสิครับ..มีอะไรให้เราทำได้บ้าง..ไม่ต้องอายครับ..ค้าขายอะไรก็ได้ง่ายๆ...ดูอย่างผมเป็นตัวอย่าง..ผมทำงานค้าที่ดิน เป็นนายหน้าขายที่ดินคนอื่นเขาจนผมรวย...

---ถ้าอยากมีรายได้รายวัน..ก็ขายของกิน.."อย่าติดอาย" ถ้าพื้นฐานครอบครัวดียิ่งดีใหญ่ครับ...ส่วนสมัครงานอื่นก็ทำไปครับอย่าทิ้ง..อย่าท้อ...วันหนึ่งมีเวลาตั้งเยอะ..ใช้ให้คุ้ม

ตามไปดูต่อที่

http://www.pantip.com/cafe/social/topic/U11670435/U11670435.html

วันพฤหัสบดีที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

"นายกยิ่งลักษณ์" กับ "มิเชล โหย่ว" ใครสวยกว่ากันครับ?

เป็นกระทู้ที่พูดคุยถึง นักแสดงหญิงต่างชาติกับนายกหญิงของประเทศไทย

ภาพประกอบ



เนื้อหาข่าว

"ยิ่งลักษณ์" ถ่ายรูปคู่ "มิเชล โหย่ว" ก่อนเข้าชมภาพยนตร์ชีวประวัติ "ออง ซาน ซูจี"

นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางมาชมภาพยนตร์ชีวประวัติของนางออง ซาน ซูจี ผู้นำการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในประเทศพม่าเรื่อง "The Lady" พร้อมทักทายและถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับ "มิเชล โหย่ว" นักแสดงนำและ "ลุค แบซง" ผู้กำกับ ที่โรงภาพยนตร์พารากอน ซีนีเพล็กซ์ ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน

ที่มา

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1328021981&grpid=02&catid=&subcatid=

ความเห็นที่ 1

พูดตรงๆนะ
ถ้าจากรูปที่แปะในกระทู้นี้นะ

เราว่า มอง2-3รอบ ยังไงๆ
คุณยิ่งลักษณ์ก็สวยกว่า สง่ากว่า อาจจะด้วยรูปร่างที่สูง ผิวที่ขาวกว่า การแต่งกายที่ภูมิฐาน

คุณมิเชลจากภาพนี้ นับว่าสวยแล้วด้วยมาตรฐานดาราซุปตาร์ของเธอ
แต่อาจจะเพราะเพลียจากการถ่ายทำและการออกงานมากไปหน่อยในภาพชุดนี้ มิเชล โหย่วดูโทรมไปบ้าง

เธอไม่สดใสเหมือนที่เคยเห็นในหนังเมื่อหลายๆๆปีก่อนนี่
ส่วนถ้ามีภาพอื่นๆประกอบ หรือตัวจริงๆตอนนี้อาจจะสวยกว่าคุณยิ่งลักษณ์ก็ได้

ความเห็นที่ 2

ท่านนายกขาวออร่ามากกว่าอ่ะค่ะ ดูมีน้ำมีนวล หน้าเลยอิ่มหวาน ดูดีกว่าค่ะ

มิเชลเค้าต้องไดเอ็ทให้ผอมคล้ายๆท่านอองซานหรือเปล่าคะ
เลยดูแห้งๆ โทรมๆไปหน่อย เพราะตัวจริงท่านอองซานผอมมากๆ

ความเห็นที่ 3

มีคนรับไม่ได้กะผลโหวตด้วยวุ้ย 555 มีแอบกัด

เราว่าสวยทั้งคู่ที่สำคัญไม่มีใครหนากว่าใครเลยแต่ที่หนาที่สุดคือคนหล่อต่างหาก

ความเห็นที่ 4

มาจากการเลือกตั้งก็ได้เป็นนายกไงคะ

เพราะว่าชนะ

ถ้าอยากให้พรรคที่คุณชื่นชอบชนะคุณก็ต้องเลือกตั้งให้ชนะสิคะ

ตามไปดูต่อที่

http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A11649361/A11649361.html

ฮ่องกงเช่ากรงนอนเดือนละ 6 พัน เนื่องจากค่าที่แพง

เป็นกระทู้ที่พูดคุยถึง การใช้ชีวิตของประชาชนในเกาะฮ่องกง

ภาพประกอบ



เนื้อหาข่าว

เรื่องราวต่อไปนี้เกิดขึ้นที่เกาะฮ่องกง เมืองที่มีจำนวนร้านตัวแทนจำหน่าย "หลุยส์ วิตตอง" มากกว่าที่กรุงปารีสของฝรั่งเศส

เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักข่าวเดลี่เมล์ของอังกฤษ ทำรายงานพิเศษเผยแพร่เรื่องราวพร้อมอัลบั้มภาพถ่ายของ นายไบรอัน แคสซีย์ ช่างภาพชาวออสเตรเลีย

ที่บันทึกเรื่องของชาวฮ่องกงกลุ่มหนึ่งในย่านหม่งก๊ก ที่ต้องอาศัยอยู่ในกรงนอนอันคับแคบ ไม่ต่างจากกรงสัตว์ เพราะไม่มีเงินเช่าที่อยู่อาศัยที่ดีกว่านี้ได้

พวกเขาคือคนชายขอบที่อยู่ใจกลางชุมชนเมืองอย่างแท้จริง!

กล่าวถึงฮ่องกง ในด้านการใช้พื้นที่เชิงพาณิชย์ ต้องบอกว่าหนึ่งในนครที่มั่งคั่งที่สุดของโลกแห่งนี้วงการอสังหาริมทรัพย์หรูหรากำลังเบ่งบานสุดขีด

การซื้อขายที่อยู่อาศัยแต่ละครั้งมักทำราคาทุบสถิติ แต่บนความมั่งคั่งก็มีด้านมืดด้วยเช่นกัน เมื่อคนหลายพันคนไม่มีปัญญาซื้อบ้านที่ราคาแพงเกินไป ทำให้ต้องตกอยู่ในสถานการณ์บังคับให้ต้องไปอยู่รวมกันในสภาพที่เสื่อมโทรม

นายแคสซีย์ อธิบายว่า ชาวฮ่องก(ร)ง ส่วนหนึ่งต้องใช้ชีวิตภายในกรงสัตว์ ขนาด 4 ฟุต x 2 ฟุตครึ่ง

เจ้าของที่พักเรียกเก็บค่าเช่ากรงเดือนละ 200 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 6,000 บาท ซึ่งแต่ละห้องจะมีกรงแบบนี้อยู่ 20 กรง และแต่ละกรงจะมีขนาด 3 ชั้น ชั้นล่างสุดจะแพงกว่าเพื่อน เนื่องจากมีความสูงเกือบจะยืนได้

แต่ความสกปรกก็ไม่ได้น้อยกว่าชั้นอื่นแต่อย่างใด

นอกจากนี้ "มนุษย์กรง" แห่งอพาร์ตเมนต์ซอมซ่อยังต้องใช้ห้องน้ำและห้องอาบน้ำรวม ไม่มีห้องครัว ทำให้ผู้พักอาศัยที่ยากจนต้องเจียดเงินไปซื้ออาหารชนิดใส่กล่องกลับบ้าน

ฮ่องกงได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในนครใหญ่ที่มีประชากรอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นที่สุดในโลก อาศัยอยู่ในทุกตารางกิโลเมตรของเกาะ

การพักอาศัยในกรงเคยเป็นประเด็นอื้อฉาวในฮ่องกงมาแล้ว แต่แทนที่จะหมดสิ้นไปกลับเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

และยิ่งเมื่อโลกเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจ ซึ่งส่งผลกระทบต่อฮ่องกง ที่เศรษฐกิจพึ่งพาการให้บริการทางการเงิน ก็ยิ่งทำให้มีคนกลายเป็นมนุษย์กรงเพิ่มขึ้น

โดยพวกเขากล่าวว่า "ก็ดีกว่าการต้องไปใช้ชีวิตอยู่ตามข้างถนน"

ผู้พักอาศัยในกรงคนหนึ่งเล่าว่า ตนเองมีแซ่ว่าเฉียง ที่ผ่านมาทนอยู่ในพื้นที่จำกัดและสกปรกในกรง เพราะอุณหภูมิอุ่นกว่าข้างถนน แต่ก็ยอมรับว่าลำบาก บางครั้งกว่าจะหลับได้ก็เลยตี 5 ไปแล้ว

พวกสิ่งรบกวนอย่างแมลงสาบ จิ้กจก เห็บหมัด และหนู ถือเป็นเรื่องปกติ และกลัวสัตว์พวกนี้จะเข้าหูเหมือนกัน นายเฉียงยังเล่าด้วยว่า อุณหภูมิในกรงจะสูงกว่าภายนอกราว 2-3 องศา

ขณะที่คุณปู่ไต๋ ลุ่นผอ วัย 79 ปี ระบุว่า ใช้ชีวิตเยี่ยงนี้มา 30 ปีแล้ว ส่วนกรงใกล้กันเป็นที่อยู่อาศัยของแม่ผู้ใช้แรงงานกับลูกน้อยวัยเพียง 8 เดือน

จากทั้งหมดที่กล่าวมาหากใครเคยชมภาพยนตร์จีน หรือมีโอกาสได้ไปดูด้วยตาตนเอง จะทราบว่า "มนุษย์กรง-ฮ่องกง" มีมานานหลายสิบปี

หลายคนอาจคิดว่าไม่น่าแปลก ฝ่ายสื่อเมืองนอกก็มองว่าเป็นเรื่องไม่ปกติตามระเบียบ

และถ้าผ่านไปอีกสิบปี มนุษย์กรงยังคงเพิ่มขึ้น ก็คงไม่นับว่าแปลก...หรืออย่างไร?

ที่มา

http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TURObWIzSXlOVE14TURFMU5RPT0=§ionid=TURNd05nPT0=&day=TWpBeE1pMHdNUzB6TVE9PQ==

ความเห็นที่ 1

ฮ่องกง หรือ ห้องกรง กันแน่

ความเห็นที่ 2

ที่เขาน้อยจริงๆ เคยไปเที่ยว ห้องพักโรงแรมเข้าไปแล้วก็นอนบนเตียงเลย
เดินไปมาไม่ได้ ห้องน้ำก็เข้าไปแล้วหมุนตัวกางแขนก็ไม่ได้

ความเห็นที่ 3

ชีวิตคน?

ความเห็นที่ 4

โห ค่าเช่า 6000/เดือน อยู่ได้แค่ในกรง ถ้ามาเช่าอยู่ที่ไทย ในเมืองหลวง
ยังได้อพาตเม้นหรูๆ เลย ถ้าต่างจังหวัดเช่าบ้านเป็นหลังได้เลยมั้ง

น่าดีใจที่คนไทยเกิดบนผืนแผ่นดินไทย มีเนื้อที่กว้างใหญ่ไพศาล
หลายคนเป็นเจ้าของที่ดินหลายสิบไร่ แต่หาได้ภูมิใจกับมันไม่
มักมองอะไรที่ตัวเองไม่มี ก็แบบนี้แหล่ะเนอะ
สนามหญ้าบ้านคนอื่นมันดูเขียวกว่าสนามบ้านตัวเองเสมอ

แต่ถ้ามองชีวิตของคนที่ต้องอาศัยในกรงเหล่านี้ เราจะรู้สึกว่า
เราช่างมีบุญ มีมากกว่าเขานัก

คนต่างจังหวัดบ้านเรา ถ้าอยู่แบบพอเพียง รับจ้างไปวันๆ ก็มีกินนะ
แต่ถ้าแห่ไปตามแฟชั่น ต้องมีกระเป๋า มือถือ ไอแพด ไอโฟน บีบี
เครื่องใช้ไฟฟ้า โน่นนี่นั่น ตามคนอื่น แค่อาชีพรับจ้าง มันไม่พออยู่แล้ว

ตามไปดูต่อที่

http://www.pantip.com/cafe/klaibann/topic/H11646655/H11646655.html