วันศุกร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2555

ป.ป.ช. ชี้บริษัทไร่ส้ม-สรยุทธ-จนท.อสมท. ผิดอาญาคดีเงินโฆษณา 138 ล้าน

เป็นกระทู้ที่พูดถึง คดีกับนักข่าวคนดัง

เนื้อหาข่าว

ป.ป.ช. ชี้บริษัทไร่ส้ม-สรยุทธ-จนท.อสมท. ผิดอาญาคดีเงินโฆษณา 138 ล้าน

 วันที่ 20 ก.ย. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่า ในวันนี้ ป.ป.ช. มีการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งมีเรื่องที่สำคัญที่สมควรแถลงให้สื่อมวลชนทราบ นั่นคือ กรณีกล่าวหา พนักงาน อสมท ช่วยเหลือ บริษัท ไร่ส้ม จำกัด โฆษณาเกินเวลาที่กำหนดในสัญญา โดยไม่เรียกเก็บเงินค่าโฆษณาเกินเวลา

 เอกสารแถลงข่าวของป.ป.ช. ระบุว่า ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน เรื่องกล่าวหานางพิชชาภา เอี่ยมสอาด เจ้าหน้าที่ธุรการระดับ 5 สำนักกลยุทธ์การตลาด บมจ.อสมท. กับพวก กรณีช่วยเหลือ บริษัท ไร่ส้ม จำกัด โฆษณาเกินเวลาที่กำหนดในสัญญาโดยไม่เรียกเก็บเงินค่าโฆษณาเกินเวลา จำนวน 138,790,000 บาท และต่อมาได้กระทำการแก้ไขใบคิวโฆษณาดังกล่าว เพื่อช่วยเหลือบริษัท ไร่ส้ม จำกัด โดยมี นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา, นางสาวมณฑา ธีระเดช และบริษัท ไร่ส้ม จำกัด (ในฐานะนิติบุคคล) เป็นผู้ให้การสนับสนุน เป็นเหตุให้ บมจ.อสมท. ได้รับความเสียหาย โดยมีศาสตราจารย์ ภักดี โพธิศิริ กรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธานอนุกรรมการไต่สวนนั้น

 จากการไต่สวนข้อเท็จจริง ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เดือนมิถุนายน 2546 บริษัทอสมท. จำกัด (มหาชน) ได้ทำสัญญาว่าจ้างนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ให้เป็นพิธีกรแบบรายวัน ดำเนินรายการ “ถึงลูกถึงคน” ในอัตราค่าจ้าง 5,000 บาท ต่อตอน ต่อมาปรากฏว่ารายการได้รับความนิยมอย่างสูงจากผู้ชมรายการ หลังจากนั้น เดือนกุมภาพันธ์ 2547 นายสรยุทธ จึงได้ตั้งบริษัทไร่ส้ม จำกัด โดยมีนายสรยุทธ เป็นกรรมการผู้จัดการ มีนางสาวอังคณา วัฒนมงคลศิลป์ และนางสาวสุกัญญา แซ่ลิ่ม เป็นกรรมการบริษัท และเข้าทำสัญญาร่วมผลิตรายการกับ อสมท.

 โดยระหว่างวันที 1 กุมภาพันธ์ 2548 จนถึงวันที่ 15 กรกฎาคม 2549 บริษัท ไร่ส้ม จำกัด ได้เข้าทำสัญญากับ บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) ร่วมผลิตรายการ “คุยคุ้ยข่าว” ออกอากาศทุกวันเสาร์และอาทิตย์ เวลาประมาณ 12.00 – 13.00 น. ครั้งละ 60 นาที (รวมเวลาโฆษณา)

 โดยบริษัทอสมท. จำกัด (มหาชน) ตกลงแบ่งเวลาโฆษณาให้ บริษัท ไร่ส้ม จำกัด ได้ครั้งละ 5 นาที ถ้ามีโฆษณาเกินกว่ากำหนด บริษัท ไร่ส้ม จำกัด ต้องชำระค่าโฆษณาเกินเวลาให้ บริษัท อสมท. จำกัด(มหาชน) ในอัตรานาทีละไม่ต่ำกว่า 200,000 บาท นอกจากนี้ได้ทำสัญญาร่วมผลิตรายการ “คุยคุ้ยข่าว” ออกอากาศทุกวันจันทร์ ถึงวันศุกร์ เวลาประมาณ 21.30 – 22.00 น. ครั้งละ 30 นาที (รวมเวลาโฆษณา) โดยบริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) ตกลงแบ่งเวลาโฆษณาให้ บริษัท ไร่ส้ม จำกัด ได้ครั้ง ละ 2 นาที 30 วินาที ถ้ามีโฆษณาเกินกว่ากำหนด บริษัท ไร่ส้ม จำกัด ต้องชำระค่าโฆษณาเกินเวลาให้ บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) ในอัตรานาทีละไม่ต่ำกว่า 240,000 บาท

 ข้อเท็จจริง ปรากฏว่า นางพิชชาภา เอี่ยมสอาด เป็นผู้รับผิดชอบเพียงผู้เดียวในการจัดทำคิวโฆษณารวมและเป็นผู้รายงานโฆษณาเกินเวลาเพื่อเรียกเก็บเงินจาก บริษัท ไร่ส้ม จำกัด ได้ให้ความช่วยเหลือ บริษัท ไร่ส้ม จำกัด โดยไม่มีการรายงานการโฆษณาเกินเวลาของ บริษัท ไร่ส้ม จำกัด เพื่อเรียกเก็บเงิน ตัง& แต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2548 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2549

 ในการนี้ จากการไต่สวนปรากฏว่า นายสรยุทธลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คของธนาคารธนชาติ สาขา พระราม 4 จ่ายเงินให้นางพิชชาภา โดยทำเอกสารหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้รวม 6 ครั้ง เป็นเงิน 739,770.50 บาท เพื่อตอบแทนที่นางพิชชาภา เอี่ยมสอาด มิได้รายงานการโฆษณาเกินเวลาของบริษัท ไร่ส้ม จำกัด

 ต่อมาเมื่อเดือนกรกฎาคม 2549 นางบุญฑนิก บูลย์สิน รักษาการผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สำนักการตลาด 1 ได้สังเกตพบว่า รายการข่าวเที่ยงคืน มีการออกอากาศล่าช้ากว่าเวลาที่กำหนดจึงได้ตรวจสอบ และเรียกนางพิชชาภา มาสอบถามต่อหน้าทุกคน ซึ่งนางพิชชาภาก็ได้รับสารภาพต่อหน้าทุกคนว่า บริษัท ไร่ส้ม จำกัด มีการโฆษณาเกิน และไม่มีการรายงานเพือเรียกเก็บเงินจริง และตนได้ใช้น้ำยาลบคำผิดลบเฉพาะคิวโฆษณาเกินเวลาในส่วนของบริษัท ไร่ส้ม จำกัด ในใบคิวโฆษณารวมของ บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) เพื่อปกปิดความผิดที่ได้กระทำขึ้นตามคำแนะนำของนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา และนางสาวมณฑา ธีระเดช พนักงานของบริษัท ไร่ส้ม จำกัด ก่อนที่จะเกิดการตรวจสอบเรื่องนี้ขึ้น

 ป.ป.ช. ชี้ต่อไปว่า หลังจากนั้นบริษัท ไร่ส้ม จำกัด ชำระเงินค่าโฆษณาส่วนเกินให้บริษัทอสมท. จำกัด (มหาชน) ในวันที่ 31 สิงหาคม 2549 และวันที 15 กันยายน 2549 เป็นเงินจำนวน 103,953,710 บาท โดยบริษัท ไร่ส้ม จำกัด ขอหักส่วนลด 30% จากยอดทั้งหมดจำนวน 138,790,000 บาท แต่บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) ไม่ยินยอมให้หักส่วนลด 30% เนื่องจากบริษัทไร่ส้ม จำกัด มิได้ปฏิบัติตามสัญญาที่ทำกันไว้และไม่ได้ชำระเงินให้ถูกต้องตามสัญญา บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) จึงคิดดอกเบี้ย นอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงิน 138,790,000 บาท นับแต่วันที่ 1 เมษายน 2548 คิดถึงวันที่ 20 ตุลาคม 2549 เป็นเงินจำนวน 4,464,197.67 บาท พร้อมภาษีมูลค่าเพิ่ม จำนวน 9,715,300 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 152,969,497.67 บาท ซึ่งบริษัท ไร่ส้ม จำกัด ก็ยินยอมชำระเงินดังกล่าวให้ บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) ในวันที่ 20 ตุลาคม 2549

 ต่อมา วันที่ 29 ตุลาคม 2550 บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) มอบอำนาจให้นายพลชัย วินิจฉัยกุล เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง กล่าวหา นางพิชชาภา และนางสาวอัญญา อู่ไทย ว่าปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และกล่าวหา นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา, นางสาวมณฑา ธีระเดช และบริษัท ไร่ส้ม จำกัด (ในฐานะนิติบุคคล) ว่าสนับสนุน ให้นางพิชชาภา กระทำความผิดดังกล่าว ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ส่งเรื่องให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่

 หลังจากนั้นในปี พ.ศ.2551 บริษัท ไร่ส้ม จำกัด กลับยื่นฟ้องเรื่องนี้ต่อศาลปกครอง เป็นคดีหมายเลขดำที่ 1141/2551 เรียกให้บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) ชดใช้เงินจำนวนทุนทรัพย์ 253,026,691.12 บาท โดยอ้างว่าสัญญาระหว่าง บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) กับบริษัท ไร่ส้ม จำกัด นัันตกลงแบ่งโฆษณาคนละครึ่งคือ แบ่งโฆษณาคนละ 50 ต่อ 50 ซึ่งบริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) ก็มีโฆษณาเกินเวลาในรายการคุยคุ้ยข่าวด้วยเช่นกัน ดังนั้น บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) ต้องชำระค่าโฆษณาส่วนเกินให้บริษัท ไร่ส้ม จำกัด เหมือนที่บริษัท ไร่ส้ม จำกัด ชำระค่าโฆษณาส่วนเกินให้บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) ไปแล้วเช่นกัน คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครอง


 คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาข้อเท็จจริงดังกล่าวแล้ว มีมติว่าการกระทำของนางพิชชาภา เอี่ยมสอาด (นางชนาภา บุญโต) มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา ตามมาตรา 6, มาตรา 8 และมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 การกระทำของ นางสาวอัญญา หรือสาริศา อู่ไทย ซึ่งเป็นหัวหน้างานและเป็นผู้บังคับบัญชาในฝ่ายสนับสนุนและบริการลูกค้า สำนักกลยุทธ์การตลาด บมจ.อสมท. มีหน้าที่ควบคุม กำกับ ดูแล และตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของนางพิชชาภา เอี่ยมสอาด (นางชนาภาบุญโต) มีมูลความผิดทางวินัย ฐานประมาทเลินเล่อในหน้าที่ เป็นเหตุให้เสียหายแก่ บมจ.อสมท. อย่างร้ายแรง ส่วนทางอาญาขาดเจตนาในการกระทำความผิด ให้ข้อกล่าวหาในทางอาญาตกไป

 การกระทำของนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา และนางสาวมณฑา ธีระเดช ซึ่งได้ใช้ให้นางพิชชาภา เอี่ยมสอาด (หรือนางชนาภา บุญโต) ไม่ต้องรายงานการโฆษณาเกินเวลาที่กำหนดในสัญญาให้ผู้บังคับบัญชาทราบ นางสาวมณฑา ธีระเดช, นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา (ในฐานะส่วนตัว) และบริษัท ไร่ส้ม จำกัด (ในฐานะนิติบุคคล) จึงมีมูลความผิด ฐานสนับสนุนพนักงานกระทำความผิด ตามมาตรา 6 , มาตรา 8 และมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 ให้ส่งรายงาน เอกสาร และความเห็นไปยังผู้บังคับบัญชาของผู้ถูกกล่าวหาที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เพื่อพิจารณาโทษทางวินัย และให้ส่งรายงาน เอกสาร และความเห็นไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญากับผู้ถูกกล่าวหาตามฐานความผิดดังกล่าวข้างต้นตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ.2542มาตรา 92 และมาตรา 97 แล้วแต่กรณี

ที่มา : ข่าวการประชุมคณะกรรกการป.ป.ช. วันที่ 20 ก.ย. 2555


ที่มาของข่าว

http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNME9ERXpOalUxTkE9PQ==&subcatid=

อันนี้แถม

ป.ป.ช.ฟัน สรยุทธ อมเงินโฆษณา อสมท.



ความเห็นที่ 1

คดีวันนี้เป็นเรื่องของ คดีทางอาญา ครับ
ส่วนเงิน 138 ล้าน นั้น ทางไร่ส้มจ่ายคืนพร้อมดอกเบี้ยไปแล้ว

แต่เรื่องทางอาญาต้องดำเนินการต่อ เพื่อเอาผิดให้ได้ครับเพราะลายเซ็นทั้งหมดในเช็คเป็นลายเซ็นของทางคุณสรยุทธ์เอง ปฏิเสธลำบากหน่อย


ความเห็นที่ 2

มันเก๋ตรงที่ค่าจ้างให้ทุจริตมีการออกใบหักภาษี ณ ที่จ่ายด้วย
ย่ามใจจนไม่กลัวโดนสาวหลักฐานทางเอกสารเลยรึ
หรือมั่นใจเพราะแบ็คดี


ความเห็นที่ 3

ให้สรยุทธออกรายการเรื่องเล่าเช้านี้ เรื่องเด่นเย็นนี้ สัมภาษณ์ตัวเอง ตอบเอง พูดให้เร้าอารมณ์ชาวบ้านเหมือนทุกทีด้วย
ว่าแต่สรยุทธมีทรัพย์สินเท่าไหร่คะ


ความเห็นที่ 4

แค่ทำให้ถูกต้อง คงไม่มีใครถึงตาย

อดตาย จนตาย

นี่รวยจะตายกันอยู่แล้ว เบียดเบียนชาติกันเข้าไป


ตามไปดูต่อที่

http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A12681418/A12681418.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น